สถิติของผู้ที่มีอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ
จากผลสำรวจในประเทศไทยเมื่อประมาณ 10 ปีก่อน พบว่าผู้ชายที่มีอายุระหว่าง 40-70 ปี มีปัญหาหย่อนสมรรถภาพทางเพศ ร้อยละ 37.5
5 ปีหลังจากนั้นเมื่อสำรวจอีกครั้งพบว่า ผู้มีปัญหาหย่อนสมรรถภาพทางเพศ เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 42.5 แสดงให้เห็นว่าปัญหาหย่อนสมรรถภาพเพศชาย มีอัตราเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
อาการหย่อนสมรรถภาพเพศชาย คือ…
การที่เราต้องการจะมีเพศสัมพันธ์ แต่ไม่สามารถสอดใส่องคชาตได้ หรือสอดใส่เข้าไปได้แต่เราคงการแข็งตัวไว้ไม่ได้ หรือแม้กระทั่งคุณสอดใส่เข้าไปได้ คุณคงการแข็งตัวได้ จนกระทั่งหลั่งได้ แต่ถ้าคุณภาพไม่ดีและไม่แข็งตัวเต็มที่ เราก็ถือว่าเป็นอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศระยะเริ่มต้น
อาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศเกิดจาก…
- สมอง ความต้องการทางจิตใจ
- โรคทางไขสันหลัง
- โรคทางเส้นประสาท
- โรคทางเส้นเลือด
- โรคเบาหวาน ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงอันดับหนึ่ง เพราะนอกจากเส้นเลือดจะตีบแล้ว เส้นประสาทจะเสื่อมด้วย จะสังเกตว่าผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน จะมีอาการปลายมือ ปลายเท้าชา เส้นประสาทเสื่อม ปลายมือ ปลายเท้าขาดเลือดไปเลี้ยง บางคนอาจพบว่าพอเป็นเบาหวาน เมื่อถึงจุดสุดยอด น้ำเชื้อไม่ออก เนื่องจากเส้นประสาทเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ถุงน้ำเชื้อบีบไม่ได้ เป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญมาก! ถ้าใครเป็นเบาหวานแล้วบอกว่าไม่มีอาการ ไม่เห็นจำเป็นต้องควบคุม ถือเป็นเรื่องที่เข้าใจผิด ซึ่งผลกระทบจากเบาหวานไม่ได้มีเพียงเท่านั้น เส้นเลือดตาก็อาจมีผลกระทบทั้งหมด เป็นผลมาจากเบาหวาน ความดัน ไขมันในเลือดสูง
วิธีการรักษาอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ
อันดับแรกต้องปรึกษาแพทย์เพื่อหาปัจจัยเสี่ยงและควบคุมปัจจัยเสี่ยงดังกล่าว ซึ่งคนไข้สามารถเลือกวิธีรักษาด้วยตัวเองได้
วิธีรักษาที่ง่ายที่สุด คือการรับประทานยา ในรายที่การรับประทานยาแล้วไม่ได้ผล ขั้นตอนต่อไปก็เลือกว่าจะรับการรักษาด้วยการใช้ปั๊มสุญญากาศ หรือการใช้ยาฉีด วิธีสุดท้ายคือการผ่าตัดใส่แกนองคชาตเทียม
อย่างไรก็ตาม คุณผู้ชายทั้งหลายควรหาปัจจัยเสี่ยงที่ต้องควบคุม จะทำให้ห่างไกลจากปัญหาหย่อนสมรรถภาพทางเพศได้
ข้อมูล : ศาสตราจารย์ นายแพทย์ สมบุญ เหลืองวัฒนากิจ
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ศูนย์ระบบทางเดินปัสสาวะ โรงพยาบาลกรุงเทพ
ภาพ : clinicalhypnotherapy-cardiff.co.uk