ปอดอักเสบ,ไวรัสโคโรน่า

  • อาการของโรคปอดบวมปริศนา คือ หายใจลำบาก, มีไข้ เมื่อตรวจดูจากภาพเอ็กซเรย์หน้าอกจะพบว่าในปอดทั้ง 2 ข้าง มีร่องรอยของโรคแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว
  • หากมีคนในครอบครัว หรือ คนใกล้ชิดพึ่งกลับมาจากพื้นที่เสี่ยง ที่พบการระบาดของโรค รวมถึง มีไข้, ไอ, เจ็บคอ, มีน้ำมูก ควรรีบไปพบแพทย์ เพื่อเข้ารับการตรวจวินิจฉัยและรักษา
  • ควรฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่เป็นประจำทุกปี เนื่องจากไข้หวัดใหญ่เป็นไวรัสที่พบได้บ่อยและทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ได้มาก

จากกระแสไวรัสปอดอักเสบในประเทศจีน ได้รับแจ้งว่าพบผู้ป่วยที่มีอาการหายใจลำบาก คล้ายอาการปอดอักเสบในเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ยของจีน เมื่อวันที่ 3 มกราคม 2563 มีผู้ป่วย 44 ราย โดยผู้ป่วย 11 รายมีอาการรุนแรงจนเป็นที่จับตามองจากสาธารณสุขทั่วโลกว่าอาจเป็นการกลับมาของโรคซาร์ส (SARS – Severe Acute Respiratory Syndrome) ซึ่งเคยคร่าชีวิตผู้ป่วยไปจำนวนมากเมื่อกว่า 10 ปีที่แล้ว

ในที่สุดเมื่อวันที่ 5 มกราคม 2563 หน่วยงานที่รับผิดชอบด้านสาธารณสุขของจีน ในเมืองอู่ฮั่น ได้แถลงข่าวแล้วว่าโรคปอดอักเสบที่กำลังระบาดไม่ใช่โรคไข้หวัดนก หรือ โรคซาร์ส รวมถึงไม่ใช่โรคไข้หวัดใหญ่ เชื้อเมอร์ส (MERS- Middle East Respiratory Syndrome) หรือ อะดิโนไวรัส (adenovirus) ตามที่หลายฝ่ายตั้งข้อสงสัยกัน นอกจากนี้ยังไม่พบหลักฐานใดๆ ชัดเจนที่บ่งชี้ว่ามีการติดต่อระหว่างคนสู่คน

องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า จากข้อมูลของทางการพบว่าผู้ป่วยบางรายดำเนินธุรกิจตัวแทนจำหน่ายหรือผู้ขายในตลาดอาหารทะเลหวนหนาน

โดยพบว่าผู้ป่วยจะมีอาการหายใจลำบาก มีไข้ และเห็นรอยโรคแพร่กระจายอย่างรวดเร็วในปอดทั้ง 2 ข้างเมื่อตรวจดูจากภาพเอ็กซเรย์หน้าอก ซึ่งเป็นอาการร่วมของโรคปอดอักเสบและโรคระบบทางเดินหายใจ ที่พบบ่อยในฤดูหนาว ทั้งนี้คำแนะนำขององค์การอนามัยโลก เกี่ยวกับมาตรการด้านสาธารณสุขและการเฝ้าระวังไข้หวัดใหญ่และการติดเชื้อทางเดินหายใจเฉียบพลันขั้นรุนแรงยังคงมีผล ในกรณีที่พบว่ามีอาการดังกล่าวข้างต้น แนะนำให้ผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจทั้งในระหว่างหรือหลังการเดินทางไปเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจเช็คร่างกายอย่างละเอียด

สำหรับในฮ่องกงพบผู้ป่วยแล้ว 15 คน ซึ่งเพิ่งเดินทางไปเมืองอู่ฮั่นเมื่อเร็วๆ นี้ กำลังได้รับการรักษา และพยายามไม่ให้เกิดการระบาดของโรค รวมถึงมีการประกาศเตือนให้อยู่ห่างจากตลาดสด และไม่รับประทานอาหารที่ทำจากสัตว์ป่าหากต้องเดินทางไปยังจีนแผ่นดินใหญ่ ในขณะเดียวกันประเทศสิงคโปร์ได้ออกมาตรการตรวจสอบ โดยที่สนามบินชางงี มีการวัดอุณหภูมิผู้โดยสารทุกคนที่เดินทางมาจากเมืองอู่ฮั่น ซึ่งผลการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าผู้ป่วยบางรายเป็นไข้หวัดใหญ่ ติดเชื้อไวรัส RSV และบางรายยังต้องรอการตรวจเพื่อยืนยันอีกครั้ง

สังเกตคนใกล้ชิด หากมีอาการเหล่านี้ไม่ดีแน่

แพทย์หญิง อรอุมา บรรพมัย แพทย์ชำนาญการด้านโรคติดเชื้อ โรงพยาบาล สมิติเวช สุขุมวิท ให้ข้อมูลว่า แม้กระแสปอดบวมปริศนา จะกำลังอยู่ระหว่างการหาคำตอบและข้อสรุปที่แน่ชัด แต่อย่างไรก็ตามก็ไม่ควรนิ่งนอนใจ หากเราหรือคนในครอบครัว มีอาการผิดปกติร่วมกับมีประวัติการเดินทางไปยังสถานที่ ที่มีการระบาดของโรค ให้สังเกตดังนี้

  1. ไข้หวัด มักจะมีไข้ร่วมกับน้ำมูกไหล มีอาการ คัดจมูก, ไอ, จาม ไข้มักจะสูงประมาณ 2 – 4 วันก็จะทุเลาไปเอง
  2. ไข้หวัดใหญ่ จะมีไข้สูง ปวดเมื่อยตามเนื้อตัวมาก และมีอาการปวดศีรษะร่วมด้วย ต่อมาอาจจะมีอาการ ไอ เจ็บคอ บางคนมีน้ำมูกไหล อาการของไข้หวัดใหญ่ในช่วง 2 – 3 วันแรก จะแยกจากโรคปอดบวมปริศนาได้ยาก หากภายใน 3 – 4 วัน อาการยังไม่ทุเลาให้รีบมาพบแพทย์
  3. อาการของ อ (Severe Acute Respiratory Syndrome-SARS) ผู้ป่วยจะมีอาการหลังจากได้รับเชื้อประมาณ 2 – 7 วัน อาการช่วงแรกๆ จะคล้ายไข้หวัดใหญ่ มีไข้สูงกว่า 38 องศาเซลเซียส มีอาการปวดศีรษะ อ่อนเพลีย รวมถึงมีภาวะปอดติดเชื้อ จนอาจทำให้เสียชีวิตได้
    ดังนั้น หากมีคนใกล้ชิด หรือคนในครอบครัว ที่เพิ่งกลับมาจากประเทศจีน หรือเมืองอู่ฮั่น แล้วมีอาการ มีไข้, ไอ, เจ็บคอ, มีน้ำมูก, หอบเหนื่อย ควรไปพบแพทย์ให้เร็วที่สุดเพื่อเข้ารับการรักษาได้อย่างทันท่วงที

วิธีป้องกันการติดเชื้อไข้หวัดหวัดใหญ่ ปอดอักเสบ และ ปอดบวมปริศนา

  1. ควรทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ พักผ่อนให้เพียงพอ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
  2. สวมใส่หน้ากากอนามัยในที่ชุมชน หรือบริเวณที่มีผู้ป่วย (โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีอาการไอ หรือจาม)
  3. ควรหมั่นล้างมือด้วยสบู่บ่อยๆ ทำความสะอาดด้วย Alcohol hand gel(เจลทำความสะอาด โดยไม่ต้องล้างน้ำ) หรือไม่นำมือไปสัมผัสสิ่งที่ไม่สะอาด ก่อนการรับประทานอาหาร
  4. งดสูบบุหรี่ และดื่มแอลกอฮอล์
  5. หลีกเลี่ยงสถานที่ ที่มีมลพิษหรือฝุ่นละอองหนาแน่น โดยเฉพาะพื้นที่ ที่มีค่า PM2.5 สูง
  6. ไม่ใช้ของร่วมกับผู้อื่น เช่น แก้วน้ำ ช้อนส้อม ผ้าเช็ดหน้า หรือรับประทานอาหารร่วมกับผู้ป่วยที่กำลังเป็นโรคหวัด
  7. หลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังเขตพื้นที่ หรือประเทศที่มีการระบาดของโรคที่กำลังสงสัย หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ควรสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งขณะอยู่ร่วมกับคนอื่นๆ
  8. ควรฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่เป็นประจำทุกปี เพราะไข้หวัดใหญ่ยังคงเป็นไวรัสที่พบได้บ่อยและทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ได้อีกมาก
  9. สำหรับเด็กหรือผู้สูงอายุ ควรฉีดวัคซีนป้องกันโรคปอดบวม ซึ่งจะสามารถยลดโอกาสการเกิดโรคได้ถึง 75%

แม้จะมีแถลงการณ์คลายความสงสัยและกังวลแล้วว่า โรคปอดบวมปริศนา หรือ โรคปอดอักเสบเฉียบพลัน ครั้งนี้ไม่ใช้โรคซาร์ส แต่อย่างไรก็ตามหากต้องไปในพื่นที่ ที่มีคนพลุกพล่าน ควรสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้ง และหมั่นสังเกตความผิดปกติของร่างกาย หากพบว่ามีไข้, ไอ, หอบเหนื่อย ควรรีบไปพบแพทย์โดยด่วนเพื่อทำการวินิจฉัยและทำการรักษาอย่างถูกต้องต่อไป

ขอขอบคุณ
ข้อมูล : แพทหญิง อรอุมา บรรพมัย แพทย์ชำนาญการด้านโรคติดเชื้อ โรงพยาบาล สมิติเวช สุขุมวิท
ภาพ : iStock

อาการของโรค “ปอดอักเสบ” ที่ควรสังเกตทั้งตัวเอง และคนรอบข้าง