ทำไมถึงไม่ควร “กินยาพร้อมกับนม”?

กินยาห้ามกินอะไรบ้าง,กินยาอย่างไรให้ถูกวิธี

เรามักเคยได้ยินอยู่เสมอว่าไม่ควรกินยาพร้อมกับนม แต่หลายคนยังไม่ทราบว่าเหตุผลที่แท้จริงคืออะไร และหากกินคู่กันแล้วจะมีอันตรายหรือไม่ วันนี้ ถั่งเช่า คอร์ดี้ไทย ได้รวบรวมข้อมูลที่จะช่วยไขข้อสงสัยนี้มาฝากกัน

แคลเซียมในนมทำปฏิกิริยากับยา
เนื่องจากในนมมีปริมาณแคลเซียมสูง เมื่อดื่มนมควบคู่กับยา จะทำให้แคลเซียมทำปฏิกิริยากับยาที่เรากินเข้าไป โดยมักจะส่งผลให้ยาหมดฤทธิ์ และทำให้ประสิทธิผลของยาหมดไป รวมถึงส่งผลต่อการดูดซึมของยาอีกด้วย ด้วยเหตุนี้แพทย์จึงแนะนำให้หลีกเลี่ยงการกินยาร่วมกับเครื่องดื่มจำพวกนมนั่นเอง

นมอะไรบ้างที่ห้ามกินกับยา
นมทุกประเภทล้วนทำให้เกิดปฏิกิริยากับยาได้ทั้งสิ้น ทั้งนมแม่ นมจากสัตว์ (นมวัว นมแพะ นมแกะ) นมจากพืช (นมถั่วเหลือง นมข้าวโพด นมอัลมอนด์) รวมถึงนมพาสเจอร์ไรซ์ (นมสดผ่านการฆ่าเชื้อที่อุณหภูมิ 63-65 องศาเซลเซียส) นมสเตอริไลซ์ (นมสดที่ผ่านการฆ่าเชื้อที่อุณหภูมิ 118 องศาเซลเซียส) และนมยูเอชที (นมสดผ่านการฆ่าเชื้อที่อุณหภูมิ 135-150 องศาเซลเซียส) ด้วย

กินยากับน้ำเปล่าได้ผลดีที่สุด!
เหตุผลที่ควรกินยาพร้อมกับน้ำเปล่า เป็นเพราะทำให้ตัวยาแตกตัว ละลายและสามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ดีที่สุด เนื่องจากน้ำเปล่าไม่มีปริมาณของแร่ธาตุหรือสารอาหารใดสูงเกินไปจนเกิดปฏิกิริยากับยาและลดประสิทธิผลของยาได้

หากเป็นเด็ก หรือผู้ที่มีปัญหาในการกลืนยา จนไม่สามารถกลืนยาพร้อมกับการดื่มน้ำได้ อาจจะต้องปรับเปลี่ยนวิธีด้วยการผสมยาเพื่อช่วยให้กลืนยาได้ง่ายขึ้น ซึ่งแพทย์ก็แนะนำให้ผสมกับน้ำเปล่าเช่นเดียวกัน ซึ่งหลังจากผสมยากับน้ำแล้ว ให้ดื่มจนหมดเพื่อให้ได้ยาในปริมาณที่ครบถ้วน และอย่าทิ้งไว้เกิน 2 ชั่วโมง

เว้น 2 ชั่วโมง หากบริโภคผลิตภัณฑ์นม
ถ้าจะดื่มนมหรือบริโภคผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากนม เช่น ชีส, เนย,โยเกิร์ต จะต้องเว้นระยะเวลา 2 ชั่วโมงทั้งก่อนและหลังรับประทานยา ทั้งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้ยาและแคลเซียมทำปฏิกิริยากันในกระเพาะอาหารหรือลำไส้เล็ก ซึ่งหลังจาก 2 ชั่วโมงไปแล้ว ถือเป็นเวลามากพอที่จะไม่ทำให้ยาเคลื่อนที่ไปพบกันในระบบทางเดินอาหาร

ขอขอบคุณ
ข้อมูล : tonkit360.com
ภาพ : iStock