อัลไซเมอร์

หากใครที่คิดว่า อาการสมองเสื่อม หรือ โรคอัลไซเมอร์ นั้น เป็นเรื่องที่ไกลตัว หรือจะเกิดขึ้นกับผู้สูงอายุเท่านั้น ต่อไปนี้อาจจะต้องเปลี่ยนความคิดใหม่  เพราะข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขพบว่า ในปี พ.ศ. 2558 ประเทศไทยมีผู้ป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์มากถึง  6 แสนคน และมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มจำนวนขึ้นไปถึง 1,117,000 คน ภายในปี พ.ศ. 2573 เพราะฉะนั้นไม่ต้องรอให้โรคเข้าใกล้เรา เราก็สามารถชะลอหรือลดความเสี่ยงเหล่านั้นลงได้

นักวิทยาศาสตร์พบว่าโรคอัลไซเมอร์ หรือ อาการสมองเสื่อม เกิดได้จากหลายปัจจัยหลายรวมกัน ทั้งจากพันธุกรรม จากความผิดปกติทางชีววิทยาในสมอง ที่ส่งผลให้การทำงานของโครงสร้างเครือข่ายเซลล์ประสาทที่ติดต่อระหว่างกันไม่สามารถเกิดขึ้นได้ตามปกติอีกต่อไป ผู้ป่วยจะเกิดความบกพร่องทางสมองในส่วนของสติปัญญา เช่น ความคิด ความจำ และการตัดสินใจ ในขณะที่สมองส่วนที่เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวยังใช้การได้ดี โดยความเสี่ยงจะมีมากขึ้นเรื่อยๆ ทันทีที่อายุเข้าสู่วัย 65 ปีเป็นต้นไป

อาการของอัลไซเมอร์อาจเริ่มจากการสูญเสียความทรงจำระยะสั้น จนไม่สามารถจำอะไรใหม่ๆ ได้ พอนานวันเข้าอาจจำเหตุการณ์ในอดีตไม่ได้ไปด้วย หรือแม้แต่จำไม่ได้ว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าคืออะไร เหมือนอย่างที่เราได้ยินข่าวอยู่บ่อยๆ ว่า ผู้ป่วยอัลไซเมอร์ออกจากบ้านแล้วหายตัวไป เพราะหาทางกลับบ้านไม่ถูก ความน่ากลัวของอัลไซเมอร์อาจเพิ่มทวีคูณไปกระทั่ง หูแว่ว เห็นภาพหลอน ก้าวร้าว และท้ายที่สุดสมองจะถูกทำลายจนไม่สามารถควบคุมการทำงานต่างๆ ของร่างกายให้ดำเนินชีวิตประจำวันได้ตามปกติและเสียชีวิตในที่สุด ซึ่งทั้งหมดนั้นอาจใช้เวลา 3 – 20 ปี โดยมีอัตราเฉลี่ยอยู่ที่ 8 ปี นับตั้งแต่เริ่มมีอาการ

แม้ปัจจุบันจะยังไม่มีวิธีการรักษาโรคอัลไซเมอร์ให้หายขาดได้ก็ตาม แต่อย่าพึ่งหมดหวัง เพราะคุณเองสามารถชะลอความเสื่อมของสมองได้ตั้งแต่วันนี้ด้วยวิธีการง่าย ๆ เพียง 6 วิธีดังต่อไปนี้

  1. หมั่นเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ ควบคู่ไปกับการออกกำลังสมอง เช่น ฝึกคำนวณตัวเลข เล่นเกมลับสมองฝึกความจำ รวมถึงการเล่นดนตรีประเภทต่าง ๆ ก็ช่วยได้
  2. ออกกำลังกาย มีประโยชน์เรื่องการคลายเครียดและลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือด โดยการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอหรือการบำรุงหัวใจ เพียงวันละ 20 – 30 นาที อย่างน้อย 4 วันต่อสัปดาห์
  3. การเข้าสังคม เราไม่ได้หมายถึงงานสังคมแบบหรูหราฟุ่มเฟือยใด ๆ แต่สิ่งที่กำลังกล่าวถึงคือ การพบปะผู้คน พูดคุย โต้ตอบบทสนทนากันอย่างสม่ำเสมอ ไม่เก็บตัวเงียบอยู่คนเดียว สามารถช่วยยืดอายุสมองได้
  4. รับประทานอาหารบำรุงสมอง โดยเฉพาะอาหารที่อุดมไปด้วยธาตุเหล็ก วิตามิน บี12, เอ ,ซี, อี และซีลีเนียม รวมถึงผลิตภัณฑ์จากใบแปะก๊วย
  5. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่ควรเข้านอนเกิน 4 ทุ่ม และควรนอนให้ได้อย่างน้อย 7 ชั่วโมงต่อวันในสถานที่เงียบสงบ เพื่อให้การนอนมีคุณภาพมากที่สุด
  6. หมั่นตรวจสอบความดันโลหิตอยู่เสมอ เพราะส่งผลกระทบต่อสมองโดยตรง และให้ลด ละ เลิกกิจกรรม ต่าง ๆ ที่อาจส่งผลต่อความดันโลหิตของเราได้ เช่น การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ และการใช้สารเสพติด

การรู้จักวิธีป้องกันอย่างถูกต้อง ย่อมชะลอความเสี่ยงของโรคนั้นๆ ได้เป็นอย่างดี ไม่จำเป็นต้องรอให้โรคเข้ามาใกล้ตัวคุณหรอกค่ะ เพราะถึงเวลานั้น มันอาจจะสายเกินไป ฉะนั้นควรหันมาดูแลตัวเองเสียแต่วันนี้ เพราะสุขภาพที่ดี ไม่มีขาย ถ้าอยากได้ ต้องเริ่มที่ตัวคุณนะคะ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : บริษัท เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์,  กระทรวงสาธารณสุข
เว็บไซต์ สำนักงานกองทุนสนับสุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) www.thaihealth.or.th
เรียบเรียงโดย ถั่งเช่า ม.เกษตร ถั่งเช่า คอร์ดี้ไทย

6 วิธี ดูแลตัวเอง ชะลอ อาการสมองเสื่อม ก่อนวัยอันควร