ถั่ง เช่า มะเร็ง ลําไส้, ถั่ง เช่า มะเร็ง ปอด, ถั่ง เช่า รักษา โรค มะเร็ง, ถั่งเช่า รักษา เนื้องอก, ถั่งเช่า มะเร็ง เม็ดเลือด ขาว,

หลายๆ ท่านคงจะทราบดีว่า มะเร็ง เป็นปัญหาในระดับโลก ทางองค์การอนามัยโลก (WHO) ทำการศึกษาและรายงานผลว่า คนเรามีอัตราการเสียชีวิตจากโรคมะเร็งสูงถึง 70% และในอีก 10 ปีข้างหน้าอัตราการเสียชีวิตจะเพิ่มขึ้นเป็น 80% เป็นเพราะสภาพแวดล้อมที่ปนเปื้อนไปด้วยสารพิษ มีมลภาวะต่างๆ เกิดขึ้น รวมทั้งอาหารการกินของเราด้วย ความเครียด ปัจจัยหลายๆ อย่างที่ทำให้โรคมะเร็งมีอัตราเพิ่มขึ้น แน่นอนว่าคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยมะเร็งในระยะสุดท้าย จะทานอาหารไม่ได้ เบื่ออาหาร น้ำหนักลดลง ซูบผอมลง บางครั้งมีความเจ็บปวด มีความอ่อนล้าอ่อนเพลีย ทำให้คุณภาพชีวิตแย่ลง ซึ่งอาการเหล่านี้ไม่ได้เป็นเฉพาะผู้ป่วย คนใกล้ชิดที่ต้องดูแลผู้ป่วยก็มีคุณภาพชีวิตที่แย่ลงเช่นกัน

การรักษามะเร็งในปัจจุบัน มักจะใช้วิธีการหลายๆ อย่าง เช่น การผ่าตัด การทำคีโมบำบัด การฉายแสง การบำบัดด้วยฮอร์โมน วิธีสุดท้ายที่เข้ามาใหม่คือ Targeted Therapy (Targeted Therapy คือการใช้ยาไปรักษาเซลล์มะเร็งซึ่งเป็นเซลล์เป้าหมาย เป็นวิธีการที่ดี ไม่มีผลข้างเคียงกับเซลล์ที่ดี แต่ราคาจะแพงมากในปัจจุบัน) ดังนั้นวิธีที่นิยมใช้ในปัจจุบัน ยังเป็นเคมีบำบัด ซึ่งเคมีบำบัด มีผลข้างเคียงก็คือ มันจะไปฆ่าเซลล์ที่ดีด้วย ภูมิต้านทานร่างกายจะลดลง ทำให้มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ผมร่วง เกล็ดเลือดต่ำ และทำให้ตับเสียหาย นักวิจัยจึงพยายามค้นหาสิ่งที่จะช่วยลดอาการจากผลข้างเคียงดังกล่าว เพื่อทำให้คุณภาพชีวิตของผู้ป่วยดีขึ้น สิ่งที่จะมาช่วยทำให้ภูมิต้านทานดีขึ้น และเพิ่มความสำเร็จในการรักษามะเร็ง มีงานวิจัยจำนวนมากที่บ่งชี้ถึงศักยภาพของถั่งเช่าในการต้านมะเร็ง สืบเนื่องมาจากคุณแม่ของ ศ.ดร.มณจันทร์ เมฆธน ป่วยเป็นมะเร็ง เมื่อ 8 ปีก่อน คุณหมอวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งที่ลำไส้ใหญ่ หลังจากทำการผ่าตัดก็พบว่ามะเร็งลุกลามไปที่ตับแล้วหลายจุด ตอนนั้นก็ได้เริ่มงานวิจัย เพราะรู้ว่าถั่งเช่าช่วยในการต้านมะเร็งได้

“ถั่งเช่า” เป็นยาอายุวัฒนะที่ใช้ในประเทศจีนมาเป็นพันปี และนักวิจัยพบว่าถั่งเช่าสามารถต้านมะเร็งได้ประมาณ 20-30 ปีมาแล้ว จากการที่ ศ.ดร.มณจันทร์ เมฆธน มีพื้นฐานวิจัยเกี่ยวกับเชื้อราฆ่าแมลงมากว่า 20 ปี จึงได้ทำการวิจัยถั่งเช่าเพาะเลี้ยงให้คุณแม่ได้ลองทาน โดยใช้เวลาประมาณ 1 ปี ในการเพาะเลี้ยง สิ่งที่สำคัญต้องมีสารออกฤทธิ์คอร์ไดซิปิน ที่เป็นตัวไปต้านมะเร็ง เมื่อคุณแม่ได้ลองทาน ท่านได้ปฏิเสธทำคีโม 2 ครั้ง อาการจากผลข้างเคียงจากการทำคีโม คือ ลิ้น ปากดำ ทานอาหารไม่ค่อยได้ หลังจากได้ทานถั่งเช่า อาการดีขึ้น ทานอาหารได้มากขึ้น น้ำหนักตัวกลับมา เรียกว่ามีภูมิต้านทานที่ดีขึ้น คุณหมอบอกว่า ท่านน่าจะมีชีวิตอยู่ได้แค่ 6 เดือน แต่คุณแม่มีชีวิตมาได้ปีครึ่งและท่านเสียชีวิตเพราะติดเชื้อในกระแสเลือด สิ่งที่เราดีใจก็คือ ท่านมีคุณภาพชีวิตที่ดี ทานอาหารได้ตามปกติ แม้แต่เพื่อนบ้านก็ไม่ทราบว่าท่่านเป็นมะเร็ง นอกจากตัวอย่างคุณแม่แล้ว คนใกล้ตัวที่พบเป็นมะเร็ง ท่านหนึ่งเป็นลูกศิษย์เป็นมะเร็งที่รังไข่ คุณหมอพบว่า เพิ่งจะเป็นระยะเริ่มต้น แต่ค่า CA ก่อนที่จะผ่าตัดคือ 475 เมื่อทราบว่าเป็นมะเร็งให้เขาลองทานถั่งเช่าวันละ 6 เม็ด เป็นเวลา 2 เดือน เขาไปผ่าตัด และทำคีโม 1 ครั้ง ปรากฏว่าค่า CA 475 ลดลงเหลือ 14 คุณหมอแปลกใจมากว่าไปทำอะไรมา นี่เป็นสิ่งที่เราดีใจที่ได้ช่วยคนใกล้ชิดของเรา ซึ่งตอนนี้เขาได้หายเป็นปกติแล้ว อีกท่่านหนึ่งเป็นน้องสาวของอาจารย์ที่ภาควิชา เป็นมะเร็งเต้านมระยะสุดท้าย ให้ถั่งเช่าไปทาน 7 ปีที่แล้ว ได้พบกันเมื่อวันเสาร์ที่ผ่่านมา อาจารย์เล่าให้ฟังว่าน้องสาวยังมีชีวิตอยู่ 6-7 ปี ซึ่งตอนแรกคุณหมอที่รักษาบอกว่า น่าจะมีชีวิตแค่ 2 เดือน เราก็ดีใจกับเขาที่น้องของเขายังมีชีวิตอยู่ แต่ถ้าให้เรายกตัวอย่างคนใกล้ชิด อาจจะฟังดูไม่เป็นวิทยาศาสตร์พอ เพราะว่าทางเราไม่มีนโยบายที่จะเชิญลูกค้าที่ทานแล้วเห็นผลมานั่งชวนเชื่อกับทุกท่่าน เชื่อว่าทุกวันนี้ลูกค้าทำการศึกษา หาข้อมูล ก่อนจะหาอะไรมารับประทาน กว่าจะเลือกอะไรมาบำรุงร่างกาย หรือให้ครอบครัวเราทานก็ต้องศึกษาก่อนนำมารับประทาน

วันนี้มีงานวิจัยเกี่ยวกับ Meta analysis จากฐานข้อมูลทั่วโลก ที่เกี่ยวกับการใช้ถั่งเช่ากับผู้ป่วยมะเร็ง ซึ่งพบงานวิจัยทั้งหมด 729 ชิ้น แต่ได้ถูกคัดกรองจนเหลือ 7 ชิ้น ดังนี้

  1. ต้องเป็นอาสาสมัครที่ป่วย และตรวจพบว่าเป็นเนื้อร้ายและทำการรักษาอยู่ในโรงพยาบาลมีการวิเคราะห์ค่า TNM
    (TNM เป็นระบบที่ใช้วัดอัตราการลุกลามขนาดเซลล์เนื้อร้าย)
    T คือ ขนาดการลุกลามไปยังเนื้อเยื่อใกล้เคียง
    N คือ การลุกลามไปที่ต่อมน้ำเหลือง
    M คือ การลุกลามไปยังอวัยวะส่วนอื่นๆ ของร่างกาย
  2. ผู้ป่วยต้องได้รับการรักษาด้วยยาคีโมและให้ทานถั่งเช่าควบคู่
  3. ต้องมีการเปรียบเทียบระหว่างกลุ่มผู้ป่วยที่ให้คีโมอย่างเดียว และกลุ่มผู้ป่วยที่ได้รับคีโม พร้อมกับการทานถั่งเช่าควบคู่

สุดท้าย มีการวัดผลลัพธ์ดังนี้

  1. คุณภาพชีวิตของผู้ป่วย
  2. ตรวจผลค่าโปรตีน CD3+, CD4+, CD8+, CD4/CD8

ค่าที่กล่าวมาเป็นค่าที่เกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย และมีการตรวจวัดผลข้างเคียง จากผู้ป่วยที่ทำคีโมอย่างเดียว กับผู้ป่วยที่ทำคีโมและรับประทานถั่งเช่า  เมื่อทางคณะวิจัยรันข้อมูลจาก 7 งานวิจัย ผ่านเกณฑ์ที่ตั้งไว้ พบว่าผู้ป่วยรวมกันแล้วมีจำนวน 271 คน เป็นกลุ่มที่ได้รับยาคีโมประกอบถั่งเช่าและกลุ่มที่รับคีโมอย่างเดียวจำนวน 228 คน ผลปรากฏว่ากลุ่มตัวอย่างที่ทานถั่งเช่าทิเบตควบคู่กับการทำคีโม มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นชัดเจน ต่างจากกลุ่มที่ให้ยาคีโมเพียงอย่างเดียว ทางผู้วิจัยได้อธิบายว่า การทานถั่งเช่าจะช่วยกระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกัน โดยเฉพาะตัวที่วัดได้คือ CD3+ เป็นหนึ่งใน T-Killer cell
ถึงแม้ว่างานวิจัยจะระบุว่าการกระตุ้นของตัว CD4+, CD8+ จะไม่สอดคล้องกัน ไม่ได้เป็นบวกทุกงานวิจัย แต่ว่าเมื่อดูภาพรวมอาการดีขึ้น ส่งผลให้ร่างกายต้านมะเร็งได้ดีขึ้น นอกจากนั้นผลกระทบจากตัวยาคีโม เบาลง แน่นอนเมื่อผลกระทบเบาลง ส่งผลดีต่อผู้ป่วยทำให้ฟื้นตัวเร็วขึ้น กลับมาทานอาหารได้มากขึ้น อย่างที่หลายๆคนทราบ ยาคีโม บางคนแพ้มาก บางคนแพ้น้อย ไม่เท่ากัน แต่สิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นคือบางท่านทนผลทางลบของยาคีโมไม่ไหวทำให้เกิดการเสียชีวิต

ผู้วิจัยจึงสรุปว่าการทานถั่งเช่า เป็นการกระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย ส่งผลให้คุณภาพชีวิตของผู้ป่วยดีขึ้น และเพิ่มโอกาสในการรักษานั่นเอง

 

ปรึกษาขนาดการรับประทานถั่งเช่าคอร์ดี้ไทย CORDYTHAI (ถั่งเช่า ม.เกษตรอนุสิทธิบัตรงานวิจัยร่วมกับ ม.เกษตรศาสตร์


 

ถั่งเช่า, ถั่งเช่า ม.เกษตร,ถั่งเช่า คอร์ดี้ไทย,ถั่งเช่าคอร์ดี้ไทย ซื้อที่ไหน,ตังถั่งเฉ้า, คอร์ดี้ไทย,cordythai,ราคา

ถั่งเช่า, ตังถั่งเฉ้า,ถั่งเช่า ม.เกษตร, คอร์ดี้ไทย,ถั่งเช่า คอร์ดี้ไทย ซื้อที่ไหน


ข้อมูล
ศ.ดร.มณจันทร์ เมฆธน
ผู้เชี่ยวชาญด้านเชื้อรากินแมลงศัตรูพืช ผู้ทรงคุณวุฒิคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

การดูแลผู้ป่วยมะเร็งด้วยถั่งเช่าทิเบต