ถั่งเช่าทิเบต คืออะไร

ปัจจุบันแม้ว่าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทางการแพทย์จะมีความก้าวหน้าและทันสมัยมากขึ้นเพียงใด แต่ความนิยมในการดูแลสุขภาพด้วยวิธีธรรมชาติบำบัดก็ยังได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่องและมีแนวโน้มที่จะได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ “ถั่งเช่า” คือหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการยอมรับในเรื่องสรรพคุณครอบจักรวาล เป็นยาอายุวัฒนะ และเป็นยอดสมุนไพรที่ช่วยเสริมสร้างสมรรถภาพทางเพศ ที่ไม่ใช่เพียงแค่คำกล่าวลอยๆ แต่มีงานวิจัยรองรับมากมายทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งเป็นข้อพิสูจน์ได้ชัดเจนว่า ถั่งเช่า เป็นราชาแห่งสมุนไพรอย่างแท้จริง

ถั่งเช่า ถูกกล่าวถึงเป็นครั้งแรกเมื่อประมาณหนึ่งพันสี่ร้อยปีก่อนในสมัยราชวงศ์ถัง ถือเป็นยาบำรุงร่างกายชั้นเลิศของฮ่องเต้ จัดเป็นเชื้อรากลุ่มหนึ่งที่อาศัยอยู่แบบปรสิตบนตัวหนอน ถูกค้นพบโดยบังเอิญจากคนเลี้ยงจามรีที่อยู่บนที่ราบสูงทิเบตโดยสังเกตเห็นตัวจามรีที่มีอายุมาก ไปกินเห็ดเล็กๆ ที่มีลักษณะคล้ายตัวหนอนแล้วมีสุขภาพแข็งแรงขึ้นอย่างผิดสังเกต สามารถเดินขึ้น-ลง ภูเขาที่มีออกซิเจนเบาบางได้อย่างคล่องแคล่ว หลังจากนั้นคนเลี้ยงจามรีได้ทดลองกินสิ่งที่มีลักษณะคล้ายเห็ดดู ปรากฏว่าทำให้สุขภาพดีขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์ และได้แนะนำคนอื่นต่อๆกันมาจนกระทั่ง แพร่เข้าสู่เขตพระราชวังและได้รับการจดบันทึกเป็นยาสมุนไพรชั้นเลิศ ต่อมาความต้องการถั่งเช่าที่เพิ่มมากขึ้น สวนทางกับปริมาณถั่งเช่าตามธรรมชาติที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง และหายากขึ้น ด้วยข้อจำกัดของสภาพแวดล้อมเนื่องจากถั่งเช่าถั่งเช่าทิเบตจะเจริญเติบโตได้ดีในบริเวณที่มีความสูงหนือระดับน้ำทะเล ประมาณ 3,500 – 5,000 เมตร และมักพบได้ในประเทศจีน ภูฏาน อินเดียและเนปาลเท่านั้น ตลอดจนมีการออกกฎหมายคุ้มครองการเก็บมากขึ้น ทำให้มีการคิดค้น และวิจัยเพื่อหาวิธีในการเพาะเลี้ยงถั่งเช่าทิเบตเพื่อทดแทนถั่งเช่าทิเบตจากธรรมชาติมากขึ้นและจากการศึกษาวิจัยต่างๆ พบว่าในถั่งเช่ามีสารสำคัญที่เรียกว่า กรดอะมิโน (Amino acid) และกรดนิวคลีอิค(Nucleic Acid) ซึ่งเป็น สารที่ใช้ในการสังเคราะห์ DNA กรดอินทรีย์ที่มีความจำเป็นต่อกระบวนการเผาผลาญของร่างกาย และเป็นสารสำคัญที่เป็นองค์ประกอบของสิ่งมีชีวิต สารโพลีแซคคาไรด์(Polysaccharide)  ที่ช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันได้ดียิ่งขึ้นและเออร์โกสเตอรอลซึ่งเป็นสารที่เมื่อร่างกายเราได้รับรังสี UV จะเปลี่ยนไปเป็น วิตามิน D2 นอกจากนั้นยังพบว่าถั่งเช่ามีประโยชน์ต่อระบบการทำงานต่างๆ ของร่างกายหลายระบบ โดยสามารถสรุปได้ 8 ประการสำคัญดังนี้

1. สรรพคุณบำรุงไต
“ไต” ถือเป็นอวัยวะที่สามารถบ่งบอกถึงสุขภาพของเราได้เป็นอย่างดี หากไตเริ่มเสื่อมร่างกายจะมีการแสดงออกหลายทางจากงานวิจัยพบว่าถั่งเช่าช่วยปรับสมดุลของไตได้ดี ช่วยต้านการอักเสบและทำให้เซลล์แข็งแรงขึ้น ด้วยสรรพคุณดังกล่าวถั่งเช่าจึงถูกนำมาใช้กับโรคไตหลายชนิด เช่น กรวยไตอักเสบเรื้อรัง โรคไตอักเสบเรื้อรัง รวมถึงภาวะไตวายเรื้อรัง ภาวะไตวายคือผู้ป่วยจะมีความดันโลหิตสูงร่วมด้วยหากผู้ป่วยรับประทานถั่งเช่าติดต่อกันเป็นระยะเวลา 1 เดือน พบว่าอาการที่ผู้ป่วยมีโปรตีนในปัสสาวะสูงก็จะลดลง และความดันโลหิตลดลงถึง 15%

2. สรรพคุณบำรุงตับ
“ตับ” เป็นอวัยวะที่มีหน้าที่ทำลายสารพิษในร่างกายและยังมีความสำคัญในกระบวนการเมตาบอลิซึมในร่างกาย เช่น การผลิตฮอร์โมน, การสลายเซลล์เม็ดเลือดแดง และกระบวนการสะสมของไกลโคเจนเป็นต้น ซึ่งประสิทธิภาพของถั่งเช่าในการช่วยดูแล และลดปัญหาเกี่ยวกับตับ

ประการแรก คือ ยับยั้งและสลายไขมันพอกตับได้ โดยเข้าไปยับยั้งการเพิ่มของ Stellate cell (เซลล์ที่สร้างพังผืดหรือเนื้อเยื่อระหว่างเซลล์ของตับ) และยังเพิ่มการเผาผลาญพลังงานในตับด้วย

ประการที่สอง คือ ช่วยเสริมสร้างการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันในผู้ป่วยโรคตับแข็งเรื้อรังและไวรัสตับอักเสบบีเรื้อรัง

ประการที่สาม คือ ลดระดับการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่น(oxidation) ของไขมันในเซรั่มและเนื้อเยื่อตับได้ ซึ่งทำให้สามารถชะลอการเกิดอาการตับแข็งของผู้ป่วยบางรายลงได้

3. สรรพคุณในการช่วยเรื่องโรคเบาหวาน
เบาหวานถือเป็นโรคยอดฮิตที่คนในหลายประเทศกำลังเผชิญอยู่ จากงานวิจัยพบว่าในถั่งเช่ามีสารโพลีแซคคาร์ไรด์(Polysaccharide) ที่ช่วยในการปรับระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในสภาวะที่สมดุลมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังพบว่าถั่งเช่าสามารถช่วยเพิ่มกระบวนการเผาผลาญน้ำตาลภายในเลือดและมีการตอบสนองต่อการสร้างอินซูลินได้เร็วขึ้น อย่างไรก็ตามอาหารและเส้นใยที่ได้จากการเพาะเลี้ยงถั่งเช่าก็มีผลต่อการลดระดับของน้ำตาลด้วยเช่นเดียวกัน จึงสามารถที่จะพัฒนาต่อยอดไปเป็นอาหารทางเลือกหรือเป็นสารต้านทานที่มีศักยภาพสูงสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน รวมถึงผู้ที่มีภาวะเสี่ยงต่อโรคเบาหวานได้ในอนาคต

4. สรรพคุณเกี่ยวกับโรคหัวใจ หลอดเลือดและไขมันสูง
หากพูดถึงระบบหัวใจและหลอดเลือด สรรพคุณที่สำคัญอย่างหนึ่งของถั่งเช่าคือ ช่วยแก้ไขภาวะหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะและสามารถควบคุมการเต้นของหัวใจได้ โดยสันนิษฐานว่าในถั่งเช่ามีสารสำคัญที่ชื่อว่า อะดีโนซีน(Adenosine) และดีออกซี่อะดีโนซีน(Deoxy Adenosine) ซึ่งมีผลต่อการไหลเวียนโลหิตทั้งที่สมองและหัวใจ มีความปลอดภัยในการใช้สูงเนื่องจากไม่มีผลข้างเคียงต่อการไหลเวียนโลหิตทั้งที่หัวใจและสมอง และไม่มีผลทางลบต่อยาแผนปัจจุบันที่ผู้ป่วยใช้ นอกจากนี้ยังมีรายงานพบว่าสารโพลีแซคคาร์ไรด์(Polysaccharide) ในถั่งเช่าจะเข้าไปลดไขมันในเลือดลงได้รวมถึงยังช่วยลดการสะสมของคอเลสเตอรอล(Cholesterol) ในเส้นเลือดลงได้เช่นกัน

5. สรรพคุณเกี่ยวกับโรคมะเร็ง
เนื่องจากในถั่งเช่าประกอบด้วยสารโพลีแซคคาร์ไรด์(Polysaccharide), สารเออร์โกสเตอรอล(Ergosterol) และสารคอร์ไดซิพิน(Cordycepin) ที่พบได้ในถั่งเช่าเท่านั้น โดยจากการศึกษาพบว่าสารต่างๆ ในถั่งเช่าจะเข้าไปช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันและหยุดการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง ทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้นและสามารถทนต่อความเครียดจากสารที่ใช้ในการทำเคมีบำบัดหรือฉายรังสีได้ดีขึ้น ซึ่งภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นจากการรับประทานถั่งเช่านั้นถือเป็นภูมิคุ้มกันสอง จึงทำให้ร่างกายของเราสามารถจดจำและลดจุดที่เป็นมะเร็งทั่วร่างกายได้ นอกจากนั้นยังทำให้ผู้ป่วยสามารถกลับมามีภูมิคุ้มกันที่ดีได้เร็วขึ้นหลังจากได้รับรังสีหรือเคมีบำบัดในแต่ละครั้งทำให้การให้ยาในครั้งถัดไปมีประสิทธิภาพและลดระยะเวลาได้มากยิ่งขึ้นอีกด้วย

6. สรรพคุณเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ
สรรพคุณเด่นของถั่งเช่าอีกด้านหนึ่งคือการบำรุงปอด เนื่องจากถั่งเช่ามีความสามารถในการเพิ่มศักยภาพในการใช้ออกซิเจนของปอดได้ดีขึ้นในสภาวะแวดล้อมที่มีออกซิเจนไม่เพียงพอ นอกจากนี้ถั่งเช่ายังช่วยลดการหดเกร็งของหลอดลมซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญในคนที่เป็นโรคหอบหืด และไม่เพียงแต่เข้าไปเพิ่มออกซิเจนในปอดแล้ว ยังช่วยลดอาการบวมอันเป็นผลมาจากการอักเสบของหลอดลม

7. สรรพคุณในการเสริมสมรรถภาพทางเพศและการทำงานของระบบสืบพันธุ์
ในประเทศจีนถั่งเช่าถูกนำมาใช้เป็นยาบำรุงโรคเสื่อมสมรรถภาพทางเพศทั้งในเพศชายและเพศหญิงมานับพันปี ซึ่งจากการศึกษาพบว่าถั่งเช่ามีผลต่อทั้งฮอร์โมนเพศและระบบสืบพันธุ์ นอกจากนี้ถั่งเช่ายังสามารถเพิ่มอัตราการรอดชีวิตของตัวอสุจิในเพศชายได้อีกด้วย

8.สรรพคุณที่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกัน
จากหลักฐานทางงานวิจัยพบว่าถั่งเช่าสามารถเป็นได้ทั้งตัวกดภูมิคุ้มกันกล่าวคือสามารถช่วยกดระบบภูมิคุ้มกันที่ผิดปกติให้ไม่สามารถแสดงออกได้ และยังเป็นตัวเพิ่มภูมิคุ้มกันคือสามารถเรียกคืนระบบภูมิคุ้มของร่างกายให้เข้าสู่สภาวะปกติได้ นอกจากนี้ยังพบว่าสามารถช่วยแก้ปัญหาให้กับผู้ป่วยที่เป็นโรคลูปัส หรือ โรคเอสแอลอี หรือ โรคพุ่มพวง (Lupus หรือ SLE หรือ Systemic lupus erythematosus) หรือที่รู้จักกันในชื่อ โรคแพ้ภูมิตัวเองได้

“อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ถั่งเช่าจะมีสรรพคุณมากมายดังที่ได้กล่าวไปแล้วข้างต้น แต่ใช่ว่าผลิตภัณฑ์ถั่งเช่าทุกชนิดที่มีจำหน่ายอยู่ในท้องตลาดจะให้คุณประโยชน์ต่อสุขภาพเสมอไป ทั้งนี้การเลือกซื้อถั่งเช่าและการกำหนดปริมาณในการรับประทานที่เหมาะสมสำหรับแต่ละคน ซึ่งมีปัญหาสุขภาพแตกต่างกันไปนั้น ควรได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญร่วมด้วย ทั้งนี้ก็เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับประโยชน์สูงสุดจริงๆ”

ผลที่ได้ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายแต่ของละบุคคล และ การดำเนินชีวิตในประจำวันที่ถูกต้อง

ถั่งเช่าทิเบต….ความลับจากธรรมชาติ